จีนเป็นชนชาติที่ร่ำรวยด้านศิลปวัฒนธรรมในด้านต่าง ๆ มาช้านาน ซึ่งรวมถึงอาหาร ที่ครองใจผู้คนไปทั่วโลก อาหารจีนหลายต่อหลายอย่าง ล้วนมีกรรมวิธีการปรุงและที่มาที่น่าสนใจ iqnect จึงขอรวบรวมเอาความเป็นมาอาหารจีนที่คนไทยคุ้นเคย ลองมาดูกันซิว่ามีอาหารจีนที่เพื่อน ๆ ชอบรวมอยู่ในนี้กันบ้างรึเปล่า
เกี๊ยว…อาหารมงคลวันขึ้นปีใหม่
เกี๊ยวที่นิยมทํากันในบ้านเราอาจแบ่งได้เป็นสองแบบคือแบบที่มีแป้งหนาห่อจับจีบสวยงามที่นําไปนึ่งหรือนําไปทอดเรียกว่าเจียวซื่อหรือที่มีลักษณะเป็นแป้งบางบางมองเห็นไส้ด้านในใส่น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหรือที่ชาวต่างชาติเรียกกันว่าเหวินเถอ คนจีนรู้จักนําแผ่นแป้งมาห่อเนื้อสัตว์ไว้ด้านในมานานเกือบสองพันห้าร้อยปีแล้ว แต่เมื่อกว่าหนึ่งพันแปดร้อยปีมานี้เอง ที่หมอยานามว่า จางจงจิ้น คิดค้นเกี๊ยวสูตรพิเศษขึ้นมาสําหรับกินแก้หนาว แก้ปัญหาหิมะกัดด้วยการนําเนื้อแพะมาบดและใส่สมุนไพรที่มีฤทธิ์ทางยาเข้าไป เพื่อนํามาทําเป็นไส้และเป็นที่แพร่หลายในเวลาต่อมา จนเกี๊ยวได้รับการพัฒนาสูตรให้หลากหลาย กลายเป็นอาหารที่รับประทานกันโดยทั่วไปเป็นอาหารมงคลที่นิยมทํากันในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะวันตรุษจีนขึ้นปีใหม่ เพราะเกี๊ยวแสดงถึงความรักค่ายกลมเกลียวในครอบครัว และมีหน้าตาเหมือนกับก้อนเงินก้อนทองในสมัยโบราณอีกด้วยบะหมี่….อาหารประจำวันเกิด
นี่เป็นหนึ่งในอาหารที่เก่าแก่ที่สุดของชาวจีน มีความเป็นมาย้อนหลังไปกว่าสี่พันปีมีการนําเมล็ดข้าวมาบดแล้วขึ้นรูปใหม่ โดยในระยะแรกมีลักษณะเป็นแป้งตัดเป็นแผ่นเล็กๆ ส่วนบะหมี่เส้นผอมบางและยาวเริ่มมีให้เห็นในช่วงราชวงศ์จิ้นหรือราวคริสตวรที่สามถึงคริสตวรรษที่ห้าและถ้าชาติตะวันตกต้องเป่าเทียนกินเค้กกันในวันเกิด สําหรับชาวจีนก็มีธรรมเนียมรับประทานบะหมี่กันในวันเกิด เพื่อให้มีอายุยืนยาวเหมือนเส้นบะหมี่ กรรมวิธีและเทคนิคการผลิตยังได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องวิธีการทําเส้นสด การรับประทานแบบเย็น แบบร้อน การทําให้แห้งเพื่อเก็บรักษาได้นานๆ รวมไปถึงการพัฒนาสูตรการปรุงบะหมี่แบบต่างๆทําให้เส้นบะหมี่แทบจะกลายเป็นอาหารที่เป็นสัญลักษณ์ประจําชาติจีนไปในปัจจุบันหมั่นโถว – ซาลาเปา…คิดค้นโดยขงเบ้ง
หมั่นโถวเป็นต้นกําเนิดของซาลาเปาทําจากแป้งแบบเดียวกันแต่ไม่มีไส้และผู้ที่เป็นคนริเริ่มให้ทําอาหารชนิดนี้ขึ้นมาก็คือจูกัดเหลียงหรือขงเบ้ง นักปราชญ์กุนซือคู่ใจเล่าปีได้ ย้อนกลับไปในยุคของสามก๊กในขณะที่ขงเบ้งเดินทางกลับจากทําศึกต้องยกทับข้ามแม่น้ำ แต่เกิดอุปสรรคจึงจัดพิธีบวงสรวงเทพเทวดาและแทนที่จะต้องตัดหัวคนเป็นเป็นมาเส้นสังเวยก็ใช้วิธีนําแป้งมาปั้นแล้วนํามาทําพิธีแก้เคล็ด เรียกกันว่าหมั่นโถว ซึ่งหมายถึงศีรษะของชาวหมานที่ทางกองทัพเพิ่งจะไปทําศึกมีชัยชนะมา แม้จะมีผู้ท้วงติงว่าชาวจีนมีการนําแป้งมาทําเป็นก้อนในลักษณะนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่ผู้ที่ทําให้หมั่นโถวเป็นที่รู้จักในวงกว้างก็คือขงเบ้ง ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีการพัฒนานําเนื้อสัตว์มาทําเป็นไส้มาใส่ไว้ด้านในในรูปแบบของซาลาเปาอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันขนมไหว้พระจันทร์…กู้ชาติ
ขนมไหว้พระจันทร์ของจีนถือกําเนิดขึ้นเมื่อราวสามพันปีก่อน เดิมไม่ได้มีหน้าตาแบบที่เห็นกันในทุกวันนี้และเรียกขานกันในชื่ออื่น แต่เป็นขนมเปี๊ยะทรงกลมที่ทําขึ้นเพื่อระลึกถึงบุคคลสําคัญในประวัติศาสตร์และเอาไว้บูชาพระจันทร์เฉลิมฉลองในเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ต่อมามีการพัฒนารูปทรงและส่วนผสมอย่างต่อเนื่องและเป็นหยางกุ่ยเฟยสนมเอกของจักรพรรดิ ในสมัยราชวงศ์ถัง ผู้มีความงามเป็นเลิศเป็นผู้ตั้งชื่อขนมชนิดนี้ว่า ขนมไหว้พระจันทร์และใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบันขนมไหว้พระจันทร์ยังมีบทบาทสําคัญในเชิงประวัติศาสตร์ในช่วงคริสตวรรษที่สิบสี่เมื่อชาวจีนแอบลักลอบนําจดหมายไปใส่ไว้ในขนมนัดแนะที่จะร่วมมือร่วมใจกันก่อการกบฏ ทํารัฐประหารชาวมองโกได้สําเร็จและสถาปนาราชวงศ์หมิงขึ้นมาในเวลาต่อมาและมีการเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนแปดตามปฏิทินจีนเป็นประจําทุกปีบันทึกความทรงจำแห่งราชวงศ์โรมานอฟเกี่ยวข้องกับความเป็นมาของอาหารจีนที่คนไทยคุ้นเคยไหม?
The romantic memories of the royal dynasty play a significant role in the history and culture of Thailand. These memories are closely intertwined with the familiarization of Chinese cuisine among the Thai people. The arrival of Chinese immigrants during the reign of the royal dynasty brought forth the introduction and popularity of Chinese food in Thailand, creating a lasting bond between the two cultures.