ในอดีตกรุงโรมคือศูนย์กลางของจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire) อันเกรียงไกร เป็นหนึ่งในอารยธรรมยุคโบราณที่ขยายดินแดนจนกว้างใหญ่ไพศาล รวมถึงยังเป็นต้นแบบของปรัชญาและเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมาย และในวันนี้ iqnect จะพาผู้อ่านไปสำรวจว่าทำไมหนึ่งในอาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จึงได้ล่มสลายลง
การรุกรานของชนเผ่าอนารยชน
ทฤษฎีแรกที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาที่สุดสําหรับการล่มสลายของกรุงโรมฝั่งตะวันตกก็คือการที่ต้องสูญเสียทางการทหารต่อกองกําลังที่อยู่ภายนอกจักรวรรดิกรุงโรมทําสงครามกับชนเผ่าอารยชนหรือบาร์เบเรียนมาหลายศตวรรษ แต่พอเข้าสู่ยุคคริสตศักราชที่สามร้อย กลุ่มชนเผ่าที่มีอิทธิพลและส่งผลกระทบต่อกรุงโรมมากที่สุดก็คือชนเผ่ากอท ที่รุกล้ำข้ามพรมแดนของจักรวรรดิมาได้ ชาวโรมันต้องฝ่าฟันอุปสรรคของสงครามมาตลอด ในช่วงปลายศตวรรษที่สี่และพอถึงปีสี่ร้อยสิบ กษัตริย์อลาริกแห่งชนเผ่าวิซิกอทก็ประสบความสําเร็จในการขับไล่ชาวเมืองออกจากกรุงโรมได้เป็นครั้งแรก จักรวรรดิใช้เวลาหลายทศวรรษต่อจากนี้ทําการต่อสู้และปกป้องภายใต้การคุกคามอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะถูกบุกโจมตีครั้งใหญ่ในอีกครั้งในปีสี่ร้อยห้าสิบห้า แต่คราวนี้ถูกโจมตีโดยกลุ่มชนผ่าแวนดัลและที่สุดในปีสี่ร้อยเจ็ดสิบหก ผู้นําชนเผ่าอนาชนที่ชื่อฟลาวิอุส โอเดเซอร์ ได้ก่อการจลาจลและทําการปลดจักรพรรดิโรมูลุส ออกุสตุลัสแห่งกรุงโรมได้สําเร็จ นับแต่นั้นมาก็ไม่มีจักรพรรดิแห่งโรมันคนไหนจะขึ้นปกครองตําแหน่งในดินแดนอิตาลีได้อีก ซึ่งทําให้หลายคนกล่าวถึงปีสี่ร้อยเจ็ดสิบหกว่าเป็นปีที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกจบสิ้นปัญหาทางเศรษฐกิจและการพึ่งพาแรงงานทาสมากเกินไป
แม้ว่ากรุงโรมจะถูกโจมตีจากกองกําลังภายนอก แต่กรุงโรมก็ได้พังทลายลงจากภายในด้วยเหตุวิกฤตทางการเงินที่รุนแรง เนื่องจากต้องเผชิญกับภัยสงครามอย่างต่อเนื่องและการใช้จ่ายที่เกินตัวได้ทําให้เงินกองทุนของจักรวรรดิลดน้อยลงอย่างมีนัยสําคัญรวมไปถึงการเก็บภาษีและอัตราเงินเฟ้อที่เป็นตัวกดขี่ประชาชน ก็ทําให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนนั้นกว้างขึ้น จึงมีประชากรที่ร่ำรวยบางส่วนได้หนีไปยังชนบทและทําการแต่งตั้งดินแดนอิสระขึ้นเอง ในเวลาเดียวกันนั้นจักรวรรดิก็เริ่มสั่นคลอนจากการขาดแคลนแรงงานเศรษฐกิจของกรุงโรมต้องหันมาพึ่งพาทาสในการทําไร่นาและทํางานเป็นช่างฝีมือ รวมไปถึงแรงงานจากประชาชนของดินแดนที่ตนเองไปยึดครองเป็นจํานวนมากก็ถูกนําเข้ามาทํางานให้ แต่เมื่อการขยายตัวหยุดชะงักลงในศตวรรษที่สอง การจัดหาทาสและผลประโยชน์จากสงครามด้านต่างๆของกรุงโรมก็เริ่มแห้งเหือดความเสียหายครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งในศตวรรษที่ห้า เมื่อกลุ่มแวนดัลได้ครอบครองดินแดนในแอฟริกาเหนือและเริ่มขัดขวางการค้าของจักรวรรดิโรมันด้วยวิธีการแบบโจรสลัดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำและการผลิตเชิงพาณิชย์และการเกษตรย่ำแย่ จักรวรรดิโรมันก็เริ่มสูญเสียยึดครองยุโรปไปในที่สุดทำไมกรุงโรมถึงล่มสลาย?
The fall of rome explained: Historians attribute various factors to the decline and eventual collapse of the great Roman Empire. These include military overextension, internal political corruption, economic instability, and invasions by barbarian tribes. Combined, these elements weakened Rome’s foundations and ultimately led to its downfall, marking a significant turning point in world history.